(ตอนที่ 2) ความเชื่อมโยงของเส้นทางสายไหมโบราณสู่ความรุ่งเรืองในสุวรรณภูมิ ประเทศตุรกี


(ตอนที่ 2) ความเชื่อมโยงของเส้นทางสายไหมโบราณสู่ความรุ่งเรืองในสุวรรณภูมิ ประเทศตุรกี

ความเชื่อมโยงของเส้นทางสายไหมโบราณในประเทศตุรกี (เมืองอีซเมียร์ ถึง เมืองอิสตันบูล) (เมืองอิสตันบูล)

ในเมืองอิสตันบูล นอกจากเป็นแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่สำคัญทางศาสนาแล้ว ยังเป็นเมืองที่มีหลักฐานความรุ่งเรืองของจักรวรรดิออโตมันในอดีต อาทิ ลานฮิปโปโดม (Hippodrome) หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เม็ต เดิมเป็นสถานที่แข่งม้าและแข่งกรีฑาในสมัยโรมันโดยพบหลักฐานสำคัญ คือ เสาโอเบลิสก์
แห่งกษัตริย์เธโอโดเซียส เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลมที่เก่าแก่ที่สุด สร้างด้วยหินแกรนิต เดิมอยู่ที่โฮลิโอโปสิล ต่อมาจักรพรรดิเธโอโดเซียสย้ายมาตั้งไว้ที่อิสตันบูล หอคอยกาลาตา ซึ่งเป็นประภาคาร เนื่องจากเมืองอิสตันบูลอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยหลังจากอาณาจักรออตโตมันรุ่งเรือง มีชัยชนะในการรบในหลายๆ ศึกสงคราม ประภาคารแห่งนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป้นคุก และสถานีของพวกทหารเรือและในปัจจุบันบัน รัฐบาลได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองอีกแห่งหนึ่ง

และยังมีพระราชวังที่สำคัญอีก 2 แห่ง ได้แก่ พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) เป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี และยังเป็นแหล่งที่หล่อหลอมบุคคลนอกศาสนา หรือ ชาวคริสเตียน ให้มานับถือศาสนาอิสลาม โดยคัดเลือกเด็กของชาวคริสเตียนเข้ามารับราชการในสมัยนั้น โดยปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาอิสลาม และพระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce) ซึ่งเป็นพระราชวังที่ถูกสร้างโดยสุลต่านอับดุลเมจิต ในสมัยยุคปลายอาณาจักรออโตมัน เป็นพระราชวังที่หรูหรา อลังการที่ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 30 ปี เป็นพระราชวังที่ใช้งบประมาณในการสร้างมหาศาล จึงส่งผลให้จักรวรรดิต้องล้มละลาย

(ติดตามต่อในตอนที่ 3)